Warrix แบรนด์ชุดกีฬาไทย ที่กำลังจะ IPO ถ้าพูดถึงแบรนด์เสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬาสัญชาติไทย ที่เราคุ้นเคย หลายคนน่าจะนึกถึง FBT หรือ Grand Sport แต่ถ้าพูดถึงน้องใหม่ในวงการนี้ที่มาแรง คงต้องมีชื่อของ “วอริกซ์ สปอร์ต” หรือที่คนส่วนใหญ่มักเรียกว่า Warrix จากอดีตที่เป็นโรงงานทอผ้า วันนี้ Warrix กำลังจะเข้ามาเป็นบริษัทที่ IPO ขายหุ้นให้เราได้ซื้อกันในตลาดหุ้นไทย Warrix เป็นบริษัทผลิตอุปกรณ์กีฬาของไทย ก่อตั้งขึ้นในปี 2556 ต่อมาบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยคุณวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล ได้เข้ามาซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิม

สำหรับคุณวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล ด้วยความที่เขาคลุกคลีอยู่ในธุรกิจครอบครัว ที่เป็นโรงงานทอผ้า ทำให้เขาสามารถนำเอาความรู้จากธุรกิจทอผ้า มาประยุกต์และปรับใช้ โดยเฉพาะในเรื่องนวัตกรรมเส้นใย และการพัฒนาเนื้อผ้ากีฬาที่มีคุณภาพ ได้เป็นอย่างดี ช่วงแรก Warrix เข้าเป็นสปอนเซอร์ในการผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้ากีฬา ให้กับทีมสโมสรฟุตบอลของไทยตามต่างจังหวัด ทั่วทุกภูมิภาค จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ เกิดขึ้นในปี ​2559 เมื่อบริษัทชนะการประมูลผู้ผลิตชุดแข่งขันให้กับทีมฟุตบอล ทีมชาติไทย ด้วยมูลค่าการประมูล 400 ล้านบาท ในช่วงระหว่างปี 2560-2563 ขณะที่ปัจจุบัน สัญญาครั้งล่าสุดที่ Warrix ชนะการประมูลผู้ผลิตชุดแข่งขันให้กับทีมฟุตบอล ทีมชาติไทย จะอยู่ในช่วงระหว่างปี 2564-2571

แต่ต้องบอกว่า นอกจากชุดแข่งแล้ว Warrix ยังได้รับสิทธิ์ให้เป็นผู้ผลิตเสื้อผ้าและสินค้าอื่น ๆ อีก เช่น ชุดซ้อม ชุดลำลอง ชุดเดินทาง ถุงเท้า กระเป๋ากีฬา ของนักกีฬาทีมชาติไทยทุกชุด รวมทั้งเสื้อเชียร์ทีมชาติไทย และสินค้าที่ระลึก ขณะที่นอกจากเสื้อผ้าชุดกีฬาฟุตบอลแล้ว ก็ยังขยายไปสู่เสื้อผ้ากีฬาประเภทอื่น ๆ ด้วย เช่น ชุดวิ่ง, ชุดโยคะ, ชุดเทนนิส, ชุดบาสเกตบอล, ชุดกอล์ฟ พอเป็นแบบนี้ จึงทำให้ชื่อแบรนด์ Warrix เป็นที่รู้จัก และเติบโตมากขึ้น ในวงการกีฬาของประเทศไทย นอกจากนี้ บริษัทยังขยายฐานการรับรู้ของแบรนด์ ไปยังต่างประเทศ ผ่านการได้สิทธิ์ในการสนับสนุนผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกาย ให้กับทีมกีฬาต่างประเทศหลายทีม ตัวอย่างเช่น นักกีฬาฟุตบอล ทีมชาติเมียนมา , นักกีฬาเซปักตะกร้อ ทีมชาติมาเลเซีย , สโมสรฟุตบอลในประเทศเพื่อนบ้าน อย่างเช่น ลาว และมาเลเซีย , สโมสรฟุตซอล ในประเทศญี่ปุ่น

ซึ่งจากจุดนี้ ทำให้เราสามารถบอกได้ว่า Warrix ใช้กลยุทธ์ Sport Marketing ในการสร้างแบรนด์ ผ่านทีมกีฬาทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้แบรนด์ไปสู่การยอมรับมากขึ้นในระดับสากล ปัจจุบัน สัดส่วนรายได้ของบริษัท 98% มาจากตลาดในประเทศ และที่เหลืออีก 2% มาจากตลาดต่างประเทศ โดย Warrix ให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้าตามไลฟ์สไตล์ของผู้คนขยายตลาดด้วยการร่วมมือกับ Partner D.OASIS ในการเตรียมความพร้อม

เข้าสู่โอกาสในโลกเสมือนภายใต้ The Sandbox Metaverse เชื่อมโลกสู่ธุรกิจโลกกว้าง และใช้ Influencer สร้าง NFTs มีการประเมินกันว่า จำนวนคนไทยที่เล่นกีฬา ราว 16 ล้านคน และมีแนวโน้มจะเพิ่มมากจำนวนขึ้นตามลำดับ ด้วยแนวโน้มการรักษาสุขภาพ ทำให้คนกลุ่มดังกล่าว เป็นกลุ่มเป้าหมายทางการตลาด ที่น่าสนใจและมีโอกาสที่จะเพิ่ม มูลค่าตลาดเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬา ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 30,000 ล้านบาท ให้เติบโตไปได้อีก